กลับหน้าแรก โสภณ พรโชคชัย มาดูที่เขายกตัวอย่าง "วีรกรรม" ของผมนะครับ
9 วีรกรรมเด่น โสภณ พรโชคชัย ด็อกเตอร์ในตำนาน

          ตามบทความ "9 วีรกรรมเด่น ดร.โสภณ พรโชคชัย ดอกเตอร์ในตำนาน" (http://goo.gl/58aK5G) ผมในฐานะผู้ถูกกล่าวถึง ขอขอบพระคุณที่ให้เกียรติ และขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้

          ในบทความเกริ่นนำว่าผม "ได้รับการขนานนามว่าเป็น “กูรู้” คนหนึ่งในวงการอสังหาริมทรัพย์. . ." คำว่า "กูรู้" คงไม่มี  มีแต่ Guru หรือ Kuru ที่แปลว่าผู้รู้หรือครู  คำว่า "ด็อกเตอร์ในตำนาน" คงไม่ใช่ ดร."ห้องแถว" นะครับ ผมจบมาจาก AIT ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผมเป็นนักเรียนทุนของรัฐบาลเบลเยียม และทุนของสหประชาชาติเช่นกัน และยังสอนปริญญาตรี โท เอกในสถาบันชั้นนำของไทยและเทศอีกด้วยครับ
          บทความอาจทำให้เข้าใจผิดว่าผมเป็น ดร.สติเฟื่อง? คงไม่ใช่ผมนะครับ ผมทำงานให้องค์การสหประชาชาติ ธนาคารโลก ฯลฯ ทำงานโครงการที่ปรึกษาให้กับกระทรวงการคลังเวียดนาม กัมพูชา บรูไนและอินโดนีเซีย มีกิจการส่วนตัว (www.area.co.th) ที่มีเพื่อนร่วมงานนับร้อย โดยเป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและศูนย์วิจัยอสังหาริมทรัพย์แห่งแรกในไทยที่ มีฐานข้อมูลที่ใหญ่ที่สุดและเป็นกลางโดยไม่เป็นนายหน้าหรือพัฒนาที่ดินเอง รวมทั้งเป็นกรรมการในหอการค้า รองประธานสภาองค์การนายจ้างฯ เป็นต้น
มาดูที่เขายกตัวอย่าง "วีรกรรม" ของผมนะครับ

1. ตำหนิ กรณีพ่อปันปัน ยอมรับว่าลูกเสพยาจริง
          ข้อนี้จริงครับ "ดร.โสภณ ได้แสดงความไม่เห็นด้วยกับการแถลงยอมรับของคุณพ่อของเด็ก. . .การยอมรับเช่นนี้เป็นปมด้อยต่อเด็ก ในฐานะเด็กและเยาวชนย่อมได้รับความคุ้มครอง ในบางครั้งก็อาจจำเป็นต้องมีการโกหกสีขาว ซึ่ง (หมาย) รวมความตั้งแต่การไม่พูด (โดย) ไม่จำเป็นต้องไปโกหกใดๆ และหากในคราวนั้น สื่อมีภาพเพิ่มเติม ถึงแม้คุณพ่อขอโทษหรือยอมรับ สื่อก็ไม่หยุดอยู่ดี แต่โชคดีที่ไม่มีหลักฐานเพิ่มเติม"

          ดูอย่างเด็กผู้หญิงคนหนึ่งขับรถชนคนตายบนทางด่วนยังไม่ต้องออกมา ให้นักข่าวขึงพืดถามอย่างนี้ ไม่สงสารเด็กบ้างหรือ เป็นการขายข่าวที่ไร้คุณธรรมเป็นที่สุด โปรดอ่านบทความของผมเรื่อง “ดารากับพ่อ. . .” ได้ที่ http://goo.gl/uXbqOt ผมไม่ได้พูดดราม่าเอาหน้า แต่ต้องการปกป้องเด็กครับ

2. กรณีน้องแก้ม โพสสวนกระแส อ้างโดนข่มขืนเพราะญาติไม่ระวังเอง
          ผมได้แสดงความคิดเห็น กรณีคนร้ายข่มขืนน้องแก้มว่า จากบทเรียนเด็กหญิงถูกข่มขืนบนรถไฟไว้ดังนี้

          ผมไม่เคยบอกว่า "โดนข่มขืนเพราะญาติไม่ระวังเอง" เป็นการตีความใส่ร้ายครับ เด็กถูกคนร้ายข่มขืน แต่หากญาติๆ ระวัง เหตุการณ์เศร้าคงไม่เกิดขึ้น พี่สาวเด็กก็ยอมรับว่าเสียใจที่ไม่ระวัง แต่ประเด็นสำคัญอยู่ที่การรณรงค์ของดาราที่ว่า "ข่มขืน=ประหาร" ซึ่งจะทำให้ผู้ถูกข่มขืนถูกฆ่าปิดปากแทบทุกราย การรณรงค์โดยไม่รู้จริงว่าการข่มขืนส่วนใหญ่เกิดขึ้นจากคนใกล้ชิด (ไม่ใช่คนนอก) จะทำให้การแก้ไขปัญหาผิดจุด ผมจึงเขียนบทความเรื่อง "แก้ไขอาชญากรรมทางเพศเชิงโครงสร้าง" ลองอ่านดูครับ

3. ทำคลิปต้าน กปปส ในช่วงการชุมนุมใหญ่กปปส
          50,000 ส่วนมากเห็นด้วยกับผม รายการโทรทัศน์ช่องหนึ่งเคยเชิญท่านไปโต้กับผมโดยตรง ตอนแรกท่านก็รับ แต่ต่อมาเปลี่ยนใจ ส่วนตอนที่ผมวิพากษ์ ดร.สมบัติ แห่ง NIDA โดยพิสูจน์ว่าไม่ได้มีคนไปชุมนุมกับ กปปส เป็นล้าน หรือผลวิจัยใหม่ๆ พบว่าการซื้อเสียงเลือกตั้งเป็นแค่ข้ออ้างของผู้แพ้ ก็มีผู้ชมถึง 92,000 ราย และเกือบทั้งหมดเห็นด้วยกับข้อมูลที่ผมเสนอ โปรดชมได้ที่นี่


มากกว่า 92,000 views และยอด Like ถล่มทลาย http://goo.gl/MY8RrV

4. สนับสนุนการเวนคืนที่ดิน กรณีมาบตาพุด
          บทความกล่าวว่า "กรณีมาบตาพุด ซึ่ง NGOs ต่าง ๆ พยายามคัดค้านการขยายนิคมอุตสาหกรรม แต่ ดร.โสภณ ได้ไปสำรวจพบว่าประชาชนส่วนใหญ่ในท้องถิ่นต้องการการขยายตัวของอุตสาหกรรม และยินดีรับค่าเวนคืนหากได้รับค่าตอบแทนที่เหมาะสม" ข้อนี้จริงครับ ผมสละเงินและเวลาออกสำรวจเองโดยไม่ได้รับจ้างใคร ประชาชนส่วนใหญ่ถึง 65.3% ต้องการเช่นนั้นจริง เราต้องฟังเสียงประชาชน โปรดอ่านจดหมายที่ผมทำถึงนายฯ 2 ฉบับ
          1. ประชาชนมาบตาพุดต้องการอุตสาหกรรมต่อไป (ธันวาคม 2552)
          2. แนวทางการแก้ปัญหามลพิษมาบตาพุด (พฤศจิกายน 2553)

          ส่วนที่บทความว่า ". . .การพัฒนาอุตสาหกรรมอย่างขนานใหญ่ที่มาบตาพุดและจังหวัดระยอง ได้สร้างผลกระทบ ผลในทางที่เสียหาย หรือต้นทุนตกอยู่กับคนในพื้นที่ระยองอย่างมหันต์. . ." อันนี้เป็นเท็จ เพราะโรคร้ายส่วนใหญ่ไม่ได้เกิดจากอุตสาหกรรมดังอ้าง การทำลายนิคมมาบตาพุดคือการทำลายเศรษฐกิจชาติ ส่วนการแก้ไขปัญหามลพิษ ก็ต้องแก้ไขกัน ถือเป็นคนละเรื่อง ข้อนี้แม้แต่คุณ "เปลว สีเงิน" ยังเขียนบทความ "เกินพอดีก็ไม่ดีที่มาบตาพุด" เห็นคล้ายกับผม

5. เปิดศึกวิวาทะ แขวะ!’ศศิน’ เดินต้านเขื่อน ไม่โปร่งใส
          บทความกล่าวว่า "ดร.โสภณ แสดงความเห็นถึงการเดินเท้า ต้านเขื่อนแม่วงก์ของ อ.ศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ว่าโกหกหรือเปล่า?. . ."  ข้อนี้ในภายหลัง อ.ศศิน ก็ยอมรับในภายหลังว่าเดินไม่ถึงที่เขียนไว้ 388 กิโลเมตรตามที่คุยไว้จริง (http://goo.gl/ZyzaJo) ถ้าผมอยากดังคงดรามาตามคนอื่นออกไปเชียร์ "คนทำดี" (จริงหรือ) กับ อ.ศศิน แต่นี่ผมเห็นว่าการรณรงค์นี้เป็นภัยร้าย การสร้างเขื่อนต่างหากที่ เป็นเรื่องจำเป็น ผมจึงสละเงินและเวลาออกสำรวจความเห็นของชาวบ้าน 2 รอบ จนพบว่า 71% ของชาวบ้านต้องการเขื่อนแม่วงก์ โดยเฉพาะชาวนาแทบร้อยทั้งร้อย เพราะได้รับผลกระทบเพราะอยู่กับปัญหารู้สภาพดีแต่พวก NGOs มักปรามาสว่าชาวบ้านไม่รู้จริง

Download ได้ฟรีที่ www.maewongdam.blogspot.com โปรด like www.facebook.com/maewongdam

          โดยสรุปแล้วเขื่อนแม่วงก์จดีต่อปสร้างเขื่อนแม่วงก์ ให้ประโยชน์ทำให้ป่าไม้ เขียวชะอุ่ม ขยายตัว มีน้ำดับไฟป่า ทำให้สัตว์ป่า มีอาหาร ขยายพันธ์ มีเขื่อนป้องกันการล่า และต่อประชาชนคนเล็กคนน้อย ได้ช่วยแก้น้ำท่วม ฝนแล้ง ประมง ผลิตไฟ ท่องเที่ยว ฯลฯ ผมออกเงินส่วนตัวทำหนังสือและผลิตสื่อเกี่ยวกับการสนับสนุนการสร้างเขื่อน ซึ่งการสร้างเขื่อนมีประวัติยาวนานตั้งแต่สมัยจิ๋นซี และยังใช้ได้ถึงทุกวันนี้
          ท่านอาจไม่ทราบว่า NGOs ดรามา หลอกลวงถึงขนาด อ้างว่ามีเสือในพื้นที่สร้างเขื่อนซึ่งเป็นป่าเสื่อมโทรมในอดีตที่ขณะนี้ พยายามปลูกต้นให้กันใหญ่เพื่อให้ดูมีต้นไม้มาก ทั้งที่ภาพเสื้อที่พบอยู่บริเวณอื่น บังอาจขนาดอ้างนกยูง ซึ่งเพิ่งจับมาเลี้ยงเมื่อ 5 ปีก่อนนี้เอง ปีหนึ่ง ๆ ป่าถูกทำลายไปประมาณ 100 เท่าของพื้นที่สร้างเขื่อน พวก NGOs กลับไม่เคยไปโวยวายใด ๆ เลย

6. จับผิดการทำงานของแอร์การบินไทย
          ผมได้ post FB ข้างต้นจริงครับ ผมได้ขอโทษแอร์การบินไทยไปแล้วที่ผมตั้งคำถามว่าแอร์เก็บขวดน้ำหอมไปขายหรือ ไม่ อันนี้เป็นความผิดพลาดที่ผมไม่ได้ตรวจสอบให้ดีว่าเขาเก็บไปใช้ต่อ  ผมเขียนเช่นนี้ก็ด้วยความเป็นห่วงเพราะเห็นสินค้าการบินไทยขายตามท้องตลาด หรือผ่านเน็ตมากมาย ดร.ชัยอนันต์ สมุทวณิช อดีตประธานการบินไทยก็เคยระบุผ้าห่มหายไปปีละหนึ่งแสนกว่าผืน รวมทั้งช้อนส้อม น้ำหอมเพราะมีคนในร่วมมือ (แต่ไม่ใช่แอร์เอาไป)
          ผมได้เขียนบทความเพื่อความกระจ่าง 2 เรื่องได้แก่
          1. "ให้การบินไทยเป็นสมบัติแห่งความภูมิใจของชาติตลอดไป" ลงในประชาไท เพื่อขออภัยที่ผมเขียนผิด และชี้ถึงปัญหาการทุจริตและการพนักงานที่พึงแก้ไข
          2. "การบินไทย ยังมีหวัง" โดยชี้ให้เห็นว่าการทุจริตไม่ได้ทำให้องค์กรล่มสลาย แต่อยู่ที่ระบบบริหารที่เป็นระบบราชการมากกว่า

7. แอบขึ้นรถไฟที่ญี่ปุ่นโดยไม่ซื้อตั๋ว
          มีข่าวคราวโจมตีว่าผมและครอบครัวไปนั่งรถไฟฟรีที่ญี่ปุ่น ทั้งนี้สืบเนื่องจากลูกสาวผมซึ่งยังเป็นนักศึกษาเขียนรีวิวไว้ใน Pantip จึงมีคนมาตั้งคำถามว่านั่งรถไฟฟรี ไม่มีคุณธรรม ไปไกลเลยครับผม
          ผมได้ post FB ไว้ชัดเจนเลยครับ โปรดดู http://goo.gl/1zVU9P ไม่ได้ขึ้นฟรี มีตั๋ว แต่แอบขึ้นจริงโดยยอมเสียค่าปรับเพราะลูกหนาวและมืดเร็ว แต่สุดท้ายพวกเราก็ โล่งอกว่าเป็นความเข้าใจผิดที่เจ้าหน้าที่ "นั่งยันนอนยัน" (ตามข้อเขียนลูกสาว) เพราะพอเจ้าหน้าที่มาตรวจตั๋ว ก็ผ่าน ไม่ได้ตำหนิว่าผิดขบวน ไม่มีสิทธิขึ้น เพียงแต่ไม่ได้ที่นั่งจอง สามารถนั่งตรงที่นั่งหัวท้ายหรือตู้เสบียงได้ตาม ที่คนอื่นนั่ง

          ยิ่งกว่านั้นสื่อ Social Media เช่น ASTV ผู้จัดการยังมีการใส่ร้ายเพิ่มเติมว่าผมพูดจาไม่ดีกับเพื่อนร่วมงานจนลาออก ไป ทั้งที่วัฏรปฏิบัติของผมคือไหว้เพื่อนร่วมงานทุกเพศวัยก่อน หากพบพวกเขาก่อน "ตบเท้าอวยพรวันเกิดทุกคน รวมทั้งสวัสดิการสูงกว่าข้อกฎหมาย เช่น ฝากเงินให้เดือนละ 7% ของเงินเดือนเพื่อให้พวกเขาอยู่ทำงานนาน ๆ เป็นต้น

8. เปิดศึกวิวาทะ ไม่เชื่อว่าทักษิณโกง
          เรื่องนี้ค่อนข้าง Sensitive นะครับ ก่อนอื่นผมขอบอกไว้ก่อนว่าผมไม่ได้เป้นพวกทักษิณ ไม่เคยไปชุมนุมช่วยท่าน ไม่เคยไปต่อต้านรัฐประหาร เพียงแต่ผมไม่เห็นด้วย ไม่เห็นด้วยตั้งแต่สมัยผมเรียนหนังสือที่ธรรมศาสตร์ ซึ่งสมัยนั้นท่านนายกฯ ยังมียศแค่ ร.ต. นะครับ

          ที่ผมคิดว่าท่านไม่โกงก็เพราะเงินที่ยึดมาก็เป็นเงิน จากการขายทรัพย์ส่วนตัว ไม่ได้โกงเอาเงินหลวงเช่นจอมพลสฤษดิ์ที่โกงถึง 2,874 ล้านบาท ที่ดิน 20,000 ไร่ เท่ากับ 25% หรือหนึ่งในสี่ของงบประมาณแผ่นดิน ปี 2507 (11,430 ล้านบาท) ส่วนกรณีซื้อที่ดินรัชดา ทักษิณก็ซื้ออย่างเปิดเผย ไม่ได้จ้าง Nominee ที่สำคัญซื้อตามราคาตลาด จะสังเกตได้ว่าท่านไม่ได้ถูกฟ้องว่าซื้อต่ำแต่อย่างใดแต่เป็นในแง่กฎหมาย มากกว่า ผมใช้ประสบการณ์เกือบ 30 ปีในการประเมินค่าทรัพย์สิน ประเมินราคาที่ดินแปลงนี้ ผมยังเคยประเมินที่ดินของคุณพ่อของท่าน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าท่านขายตามราคาตลาดเช่นกัน

9. ทำคลิปฮาเรมเชค หาเสียงเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม
          บทความเขียนว่า "เคยลงสมัครรับการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2556 ในหมายเลข 4 ได้คะแนนเสียง 1,144 คะแนน พ.ศ. 2556" อันนี้จริงครับ ไม่ได้น่าอายตรงไหน ผมจบปริญญาเอกด้านนี้ จึงขอเสนอแนวคิดการพัฒนาเมือง ไม่ได้มักใหญ่ใฝ่สูงใด ๆ ผมเสียเงินค่าหาเสียงประมาณ 150,000 บาท ถือว่าได้คะแนนละ 100 บาท ตัวเก็งบางท่านทุ่มงบหาเสียงไม่แพ้ 2 พรรคให้ ยังได้แค่ 20,000 กว่าคะแนน แต่ปีนั้นเป็นปีที่เลือกระหว่าง 2 พรรคเท่านั้น

          ผมขอขอบคุณที่ข่าวว่าผมรณรงค์หาเสียงด้วยการว่ายข้าม แม่น้ำเจ้าพระยาเพื่อการกระตุ้นสำนึกสิ่งแวดล้อม และรณรงค์ด้วย "Harlem Shake" นี่ยังดีที่ผมไม่ได้เต้นเองนะครับ แต่มีคนดูจำนวนมหาศาล ถ้าท่านยังจำได้ ในปีนั้นมีผู้อำนวยการเขตท่านหนึ่งยังออกมาเต้น Harlem Shake เพื่อส่งเสริมให้คนไปลงคะแนน ซึ่งก็น่าจะเป็นการรณรงค์ที่ดี นอกจากนี้ผมยังเคยทำ Ice Bucket Challenge เพื่อช่วยกระตุ้นการบริจาคให้มูลนิธิอิสรชนที่ช่วยเหลือผู้ใช้ชีวิตในที่ สาธารณะที่ผมเป็นประธานมูลนิธิด้วยครับ

สรุป ที่ ผมวิพากษ์วิจารณ์สังคมนั้นเพื่อไม่อยากให้หลงไปกับประเด็นดรามาต่าง ๆ ไม่ได้หวังเอาเด่นเอาดัง ถ้าหวังจริง คงไปช่วยแห่แหนตามพวกนั้น ผมทำงานเพื่อสังคมก็เพื่อประโยชน์ของส่วนรวม เช่น รณรงค์ช่วยชาวบ้านส่วนที่ต้องการเขื่อนแม่วงก์ ช่วยชาวบ้านส่วนใหญ่ที่ต้องการนิคมมาบตาพุด ผมจัดประกวดเรียงความชิงโล่พระราชทานของสมเด็จพระเทพรัตน์ราชสุดา สยามบรมราชกุมารีฯ หลายต่อหลายเรื่องเพื่อรณรงค์เพื่อสังคมโดยเฉพาะ
          ดูรายละเอียดเกี่ยวกับผมได้ที่ www.thaiappraisal.org/thai/contact/default_dr.sopon.php ติดต่อผมที่ sopon@thaiappraisal.org  Line ID: dr.sopon ผมถือเสมอว่า Knowledge Is Not Private Property.

ผู้แถลง:
ดร.โสภณ พรโชคชัย (sopon@area.co.th) ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส หรือ AREA (www.area.co.th): ซึ่งเป็นองค์กรที่มีฐานข้อมูลอสังหาริมทรัพย์ภาคสนามขนาดใหญ่ที่สุดและปรับ ปรุงให้ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย และดำเนินการเก็บข้อมูลต่อเนื่องมาตั้งแต่ พ.ศ.2537 เป็นศูนย์ข้อมูลที่มีความเป็นกลางทางวิชาการ และเป็นอิสระทางวิชาชีพ โดยไม่ถูกครอบงำโดยผู้มีส่วนได้ส่วนเสียใด ๆ สมาชิกของศูนย์ข้อมูลฯ ได้รับข้อมูลที่เป็น First-hand information ในเวลาเดียวกัน